การปฏิเสธ (หรือการคัดค้าน) โฮโลคอสต์นั้นถือว่าเป็นรูปแบบของการแก้ไขทางประวัติศาสตร์ (historical revisionism) ที่เกี่ยวข้องกับสงครามโลกครั้งที่สองที่รุนแรงที่สุด แม้จะมีการยอมรับกันอย่างกว้างขวางว่าคำว่า การปฏิเสธโฮโลคอสต์ และ การแก้ไข นั้นเป็นการกระทำที่ต่างกัน แต่ก็มักมีการใช้คำว่า ‘การแก้ไขโฮโลคอสต์’ (‘Holocaust revisionism’) ในการบรรยายเชิงวิชาการหรือในที่สาธารณะ ผู้ที่ปฏิเสธมักจะเรียกตนเองว่า ‘นักแก้ไข’ (‘revisionists’) การใช้คำเหล่านี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความพยายามของคนเหล่านื้ที่ต้องการแสดงว่าตนเป็นนักวิชาการและนักค้นคว้าทางประวัติศาสตร์ที่แท้จริง เหล่าผู้ปฏิเสธเชื่อว่าโฮโลคอสต์ไม่เคยเกิดขึ้น เป็นเรื่องที่สร้างขึ้นทั้งหมดโดยถูกแต่งขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์ของการสมคบคิดที่เกี่ยวข้องกับชาวยิวในระดับนานาชาติและ/หรือประเทศอิสราเอล เหล่าผู้ปฏิเสธจะไม่ยอมรับว่านาซีตั้งใจกำจัดชาวยิว นอกจากจะปฏิเสธว่าไม่มีแผนการกำจัดชาวยิวและการใช้ห้องแก๊สที่ค่ายเอาชวิตซ์-เบียร์เคเนาเพื่อสังหารชาวยิวจำนวนมากแล้ว ผู้ปฏิเสธจะลดจำนวนของเหยื่อลงด้วย นอกจากนี้ พวกเขายังลดความทุกข์ทรมานและการทำลายล้างในยุโรปที่มีผลมาจากนโยบายของนาซีให้น้อยลง โดยอ้างว่าเป็นเพียงผลที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้งที่มีการใช้อาวุธและโรคภัยไข้เจ็บเท่านั้น พวกเขาปฏิเสธด้วยว่าวัตถุประสงค์ของนาซีที่จะสังหารชาวยิวให้หมดไปนั้นไม่มีอยู่จริง และยืนยันว่าชาวยิวส่วนใหญ่ได้รับอนุญาตให้อพยพไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกาและคำให้การของผู้รอดชีวิตนั้นเป็นเรื่องที่เกินจริง พวกเขาอ้างว่าบันทึกของแอนน์ แฟรงค์นั้นไม่ใช่เรื่องจริง หลักฐานต่าง ๆ เหล่านี้สามารถใช้หักล้างคำโต้แย้งของผู้ปฎิเสธได้โดยง่าย : ● โฮโลคอสต์เป็นเหตุการณ์ที่ถูกบันทึกไว้เป็นอย่างดีและกองทัพของฝ่ายพันธมิตรได้ยึดเอกสารเหล่านี้จำนวนมากก่อนที่นาซีจะสามารถทำลายเอกสารเหล่านี้ ซึ่งเอกสารที่ยึดได้นั้นรวมไปถึงรายงานการสังหารหมู่และการรมแก๊สพร้อมรายละเอียด และฝ่ายอัยการได้นำเสนอเอกสารเหล่านี้บางส่วนระหว่างการพิจารณาคดีของผู้นำนาซีที่เมืองนูเรมเบิร์ก ● คำให้การโดยตรงของผู้ที่รอดชีวิตจากโฮโลคอสต์ซึ่งรวมไปถึงภาพยนตร์และภาพถ่ายเมื่อทำการสังหาร โดยบางส่วนนั้นถูกถ่ายเก็บไว้อย่างลับ ๆ และภาพยนตร์และภาพถ่ายที่ผู้ปลดปล่อยค่ายต่าง ๆ เป็นผู้ถ่ายไว้ ● นาซีเยอรมนีและผู้ร่วมมือไม่เพียงแต่สังหารชาวยิวที่อาศัยอยู่ในประเทศเยอรมนีเท่านั้นแต่ยังสังหารชาวยิวทั่วยุโรปอีกด้วย นี่คือที่มาของตัวเลขโดยประมาณของชาวยิวหกล้านคนที่ถูกสังหาร ● มีการพิสูจน์ว่ามีการสังหารหมู่ชาวยิวโดยการใช้แก๊ส Zyklon B ในค่ายมรณะโดยใช้คำให้การของผู้กระทำความผิด นักโทษ และสมาชิกของ ‘Sonderkommando’ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ต้องขังที่ถูกบังคับให้ขนย้ายผู้เสียชีวิตจากห้องรมแก๊สและนำศพเหล่านั้นไปกำจัด และยังมีการค้นพบหลักฐานจากการขุดค้นทางโบราณคดีที่บริเวณค่ายมรณะและค่ายกักกันของนาซีอีกด้วย ● ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชและนักโบราณคดียังได้ทำการตรวจสอบบริเวณที่เกิดการสังหารหมู่ชาวยิวในยุโรปตะวันออกและในอดีตสหภาพโซเวียตซึ่งเป็นสถานที่ที่นาซีเยอรมันมักสังหารชาวยิว ณ จุดที่พบ (โดยใช้กระสุน) ซึ่งเหตุการณ์เดียวกันนี้เกิดขึ้นกับชาวยิวในขณะที่ถูกส่งตัวไปยังค่ายต่าง ๆ ในประเทศโปแลนด์ด้วยเช่นกัน [1] การแก้ไขทางประวัติศาสตร์ หรือ historical revisionism คือการตีความความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับแรงจูงใจ หลักฐานของเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์เหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งขึ้นมาใหม่
created with